วัดแสงแก้วโพธิญาณ ตั้งอยู่ที่ 191
ม.11 บ้านใหม่แสงแก้ว
ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอีกแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงใครๆที่มาเที่ยวเชียงรายจะพลาดโอกาสไปวัดนี้ไม่ได้เพราะเป็นวัด
ที่มีความสวยงามมากๆไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของตัววัด
หรือความงามจากธรรมชาติรอบๆตัววัดบรรยากาศเงียบสบมีเพลงบรรเลงเบาๆสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพก็มีสิ่งสวยงามต่างๆมากมายให้ได้ไปสัมผัส
ความรู้สึกแรกหากใครที่ได้มายังวัดแสงแก้วโพธิญาณแห่งนี้ จะต้องสังเกตเห็น
รูปหล่อเหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัยองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ครูบาอภิชัย ขาวปี
และครูบาชัยวงศา พัฒนา ที่เด่นและสูงใหญ่ตระหง่าเปล่งประกายอยู่ด้านบนสุดของวัด
ประวัติความเป็นมาของวัดแสงแก้วโพธิญาณ
วัดขึ้นในหมู่บ้านเพื่อเป็นสถานที่ทำบุญยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน
และพุทธศาสนิกชนทั่วไป จึงได้กราบอาราธนาพระครูบาอริยชาติ อริยจิตโต
มาจากวัดพระธาตุดงสีมา ตำบลแม่พริก อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
มาสร้างวัดขึ้นในหมู่บ้าน ท่านพระครูบาตอบตกลงและเริ่มตามหาที่ดินที่เคยนิมิตเห็น
เมื่อพบที่แล้วกรวดน้ำอธิฐานขอสร้างบารมีในที่แห่งนี้
หลังจากนั้นอีกไม่นานก็มีเจ้าภาพนำที่ดินแห่งนั้นมาถวาย จำนวน 19 ไร่
จึงเริ่มวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2549 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8
เหนือ (แปดเป็ง) วันวิสาขบูชา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ท่านครูบาจึงได้เริ่มก่อสร้างศาสนสถานและศาสนวัตถุต่างๆ
โดยใช้ศิลปะแบบผสมผสานล้านนา พม่า ไต (ไทลื้อ) ซึ่งใช้ระยะเวลาอย่างรวดเร็วในการก่อสร้าง
ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในวันที่ 8 กันยายน พ.ศ.2554 และผูกพันธสีมา
ฝังลูกนิมิตในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2556 (ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 6 เหนือ)
และพัฒนาวัดแสงแก้วโพธิญาณต่อเนื่องถึงปัจจุบัน
ที่มาของชื่อวัดแสงแก้วโพธิญาณ
แสงแก้วโพธิญาณแปลว่า
ดอกบัวที่ผุดโผล่ขึ้นพ้นน้ำแล้วมีแสงสว่างเรืองรองเหมือนแสงแก้ว
โดยพระครูบาอริยชาติ อริยจิตโต ท่านเกิดนิมิตว่า "ฝนตกหนักมาก
มองอะไรก็ไม่เห็น
ครูบาก็เดินหลงไปหลงมาอยู่บนภูเขาสักพักก็ได้เห็นป่าทั้งป่าบนภูเขา
มีดอกบัวบานเต็มไปหมด มีแสงสว่างไสวสวยงาม
ครูบาจึงคิดชื่อได้จากเหตุนิมิตที่เห็นแสงเรืองรองเหมือนแสงแก้วกลายเป็นดอกบัวอีกนัยหนึ่งคือ
"โพธิญาณ" หมายถึง หยั่งรู้
เหมือนบัวที่ผุดโผล่ขึ้นมาจากพ้นน้ำแล้วเปล่งแสงคล้ายแสงแก้ว จึงได้ตั้งชื่อว่า
"วัดแสงแก้วโพธิญาณ"
รูปหล่อโลหะครูบาศรีวิชัยองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ด้านซ้ายของเราคือครูบาขาวปี๋
ส่วนด้านขวาคือครูบาชัยยะวงศาพัฒนา
ด้วยเหตุว่าชาวล้านนาเชื่อว่าครูบาศรีวิชัยคือพระโพธิสัตว์ที่ลงมาจุติในล้านนา
ที่ครูบาอริยชาติ สร้างรูปครูบาศรีวิชัยไว้ชั้นบนสุดเพื่อเป็นความหมายว่า
"เหนือพระโพธิญาณ มีพระโพธิสัตว์"
พระวิหารที่สร้างไว้ชั้นกลางหรือชั้นสวรรค์-พรหม
นั้นจะมีสะพานเชื่อมขึ้นมาถึงชั้นนี้ เป็นนัยว่าการข้ามเข้าสู่ชั้นนิพพาน
ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา
ทางด้านขวาของรูปเหมือนของ
ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา มีระเบียงคด ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่งดงาม 2 องค์
2 ปาง 2 เนื้อ ผินพระพักตร์เข้าหากัน
ส่วนตรงกลางเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปบูรพกษัตริย์ องค์สำคัญๆ ได้แก่
สมเด็จพระนเรศวร สมเด็จพระเจ้าตากสิน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระนางจามเทวี พระนางสุพรรณกัลยา และอีกหลายพระองค์
ครูบาขาวปี๋
ส่วนทางด้านซ้ายของรูปเหมือน
ครูบาขาวปี๋ มีระเบียงคด
ภายในเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อต่างๆ
จำลองเรื่องโลกและจักรวาล
ทางเข้างข้างหน้าจะมียักษ์ 2 ตนตัวเล็กสีเขียวและสีแดงเฝ้าอยู่ถ้าเดินเข้าไปอีกนิดจะเห็น 12 นักษัตร
ยืนรอบๆโดยที่ต้องกลางจะเป็น เจดีย์สีขาวมีรูปปั้นต่างๆอยู่ในนั้น
พระพิฆเนศ
พระอวโลกิเตศวรปรางพันมือ
ลานสำหรับนั่งพักผ่อน
ผู้สร้างวัดแสงแก้วโพธิญาณ
ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต
อ้างอิงข้อมูล : วันแสงแก้วโพธิญาณ
ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น